สมเด็จพระราชินี ของ โซเฟีย มักดาลีนาแห่งเดนมาร์ก

พระบรมสาทิสลักษณ์อย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาแห่งสวีเดน วาดโดย ลอเรนซ์ พาสช์

สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนามีพระบุคลิกที่เคร่งเครียดและเขินอาย และไม่ทรงเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มคนวงในของกษัตริย์ พระนางและพระเจ้ากุสตาฟมีพระบุคลิกที่แตกต่างกันที่ซึ่งได้สร้างความเหินห่างของทั้งสองพระองค์ พระนางทรงประกอบพระราชกรณียกิจตามพิธีการแต่ไม่ทรงชอบวิถีชีวิตในราชสำนักที่หรูหราซึ่งล้อมรอบพระสวามีที่โปรดการเข้าสังคม เมื่อทรงประกอบพระราชกรณียกิจในฐานะของสมเด็จพระราชินี ดัสเชสเฮดวิก เอลิซาเบธ ชาร์ล็อตแห่งฮ็อลชไตน์-ก็อตท็อปพระชายาในพระอนุชาของพระสวามี ได้ทรงบรรยายถึงพระราชินีว่าทรง "ถูกบังคับให้พบปะผู้คน" พระราชินีโปรดที่จะประทับที่ที่ประทับส่วนพระองค์คือ พระราชวังอัลริคส์ดัลเมื่อใดก็ตามที่ทรงเลี่ยงได้

ภาพวาดพระราชพิธีราชาภิเษกพระเจ้ากุสตาฟที่ 3 และสมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนา ในวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2315 โดย คาร์ล กุสตาฟ ปิโล

ในพระอนุทินสำคัญของดัสเชสเฮดวิก เอลิซาเบธ ชาร์ล็อตแห่งฮ็อลชไตน์-ก็อตท็อป ทรงบรรยายถึงพระราชินีว่า ทรงพระสิริโฉม, เยือกเย็น, เงียบและทะนง ทรงสุภาพมากและเป็นทางการ ทรงสงวนท่าทีและไม่โปรดการเข้าสังคม ในโอกาสที่เป็นทางการ พระนางทรงประพฤติพระองค์อย่างดีที่สุด พระนางทรงประพฤติปฏิบัติตามมารยาทของราชสำนักอย่างงดงามและทรงได้รับการพบเห็นในฐานะที่สง่างามและน่าประทับใจ พระราชินีมีพระสหายสนิท 2 คน คือ มาเรีย ออโรรา อุกกลาและบารอนเนส เวอร์จิเนีย ชาร์ล็อตตา ดูวอล แมนเดอร์สตอร์ม พระนางโปรดการประทับเพียงลำพังด้วยการใช้เวลาในที่ที่ประทับและเสวยอาหารเพียงพระองค์เดียว พระนางทรงทำพระเกศาอย่างเป็นทางการทุกๆสองสัปดาห์และโปรดการละครที่ซึ่งทรงร่วมชมการแสดงบ่อยครั้ง ระหว่างที่พระเจ้ากุสตาฟเสด็จเยือนอิตาลีในปีพ.ศ. 2326 ถึง พ.ศ. 2327 พระนางเสด็จเสวยพระกระยาหารในสาธารณะอย่างเป็นทางการทุกๆ สองสัปดาห์ นางสนองพระโอษฐ์ของพระนางเป็นสตรีชาวสวีเดนที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ได้แก่ ชาริทีสทั้งสาม คือ ออกุสตา ฟอน เฟอร์เซน, อุลลา ฟอน โฮ็ปเกนและโลวีซา เมเจอร์เฟลท์ และศิลปินได้แก่ มารีอานน์ เออห์เรนสตอร์มและชาร์ล็อตตา เซเดอร์ครูทซ์

สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยกเว้นในครั้งหนึ่ง ช่วงระหว่างสงครามรัสเซีย-สวีเดน (1788 - 1790) ในปีพ.ศ. 2331 พระนางทรงริเริ่มเจรจาสงบศึกกับเดนมาร์ก ทรงเรียกตัวเอกอัครราชทูตเดนมาร์กมาเข้าเฝ้า ตรัสกับเขาและมีพระราชเสาวนีย์ให้เขานำพระราชหัตถเลขาของพระนางไปมอบแก่พระเจ้าคริสเตียนที่ 7 แห่งเดนมาร์ก พระอนุชา ในช่วงสงครามรัสเซีย-สวีเดนนี้มีการบันทึกว่าพระราชินีทรงพบปะเชลยศึกชาวรัสเซียในสวนของพระราชวังฮากาและทรงประทานเงินแก่พวกเขาคนละ 100 โครน และมีการกล่าวว่าพระราชินีโปรดฉลองพระองค์แบบอังกฤษเนื่องจากทรงเห็นว่าฉลองพระองค์แบบฝรั่งเศสนั้นดูเปิดเผยมากเกินไป

วิกฤตการสืบราชบัลลังก์

พระบรมสาทิสลักษณ์ พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 แห่งสวีเดน, สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาและมกุฎราชกุมารกุสตาฟ อดอล์ฟในฮากาปาร์เคน วาดโดยคอร์นีเลียส โฮยเยอร์ ราวปีพ.ศ. 2327 - พ.ศ. 2328

สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาทรงเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์สวีเดนด้วยข้อครหาที่เกี่ยวกับการสมรสที่สำเร็จบริบูรณ์และปัญหาพระโอรสนอกสมรสของพระนาง การอภิเษกสมรสของพระนางตามปกติเป็นการจัดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งพระราชินีโซเฟัย มักดาลีนาในช่วงแรกทรงได้รับการบรรยายจากพระสวามีว่าทรง "เยือกเย็นอย่างน้ำแข็ง" การอภิเษกสมรสไม่สำเร็จบริบูรณ์จนกระทั่งพ.ศ. 2318 เวลาเก้าปีหลังจากการอภิเษกสมรส ซึ่งกลายเป็นหัวข้อนินทาและการเย้ยหยันท่ามกลางบางราชสำนักของยุโรป ที่มีข่าวลือว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพวกรักร่วมเพศหรือไร้สมรรถภาพทางเพศ กิจกรรมทางเพศของพระองค์ที่ซึ่งได้สร้างผลกระทบต่อพระชนม์ชีพของสมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนา ในฐานะที่เป็นการสมรสกันในราชวงศ์เพื่อการผลิตทายาท และเหตุนี้ยังเป็นประเด็นถกเถียง หลายๆเอกสารได้บันทึกไว้ว่าระหว่างพระชนม์ชีพของพระเจ้ากุสตาฟได้รับการยืนยันว่าทรงเป็นพวกรักร่วมสองเพศ ประสบการณ์ทางเพศของพระเจ้ากุสตาฟทรงถูกกล่าวหาถึงการพัฒนาการไม่สมวัยหรือทรงเป็นพวกไร้เพศ ขณะทรงอยู่ในวัยฉกรรจ์ พระเจ้ากุสตาฟทรงหลงรักมารดาของแอ็กเซล ฟอน เฟอร์เซนคือ เฮดวิก คาทารีนา เดอ ลา การ์ดีและในปีพ.ศ. 2311 พระองค์ทรงมีความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งกับหญิงสูงศักดิ์คือ ชาร์ล็อต ดู รีทซ์ ถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เป็นที่รู้จักถ้าเรื่องอื้อฉาวนี้สำเร็จบริบูรณ์ จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ได้อธิบายว่าทั้งสมเด็จพระราชินีและพระมหากษัตริย์ทรงมีปัญหาร้ายแรงทางกายวิภาคเป็นผลให้เกิดการกระทำซึ่งกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ อีริค โลนนรอท นักประวัติศาสตร์ชาวสวีเดนได้สรุปว่า ไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงในข่าวลือของพระเจ้ากุสตาฟที่ 3 ซึ่งทรงถูกโน้มเอียงไปทางรักร่วมเพศหรือรักร่วมสองเพศ หรือเจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟไม่ใช่พระราชโอรสนอกสมรส[3]

การดำรง สถานะเดิม ระหว่างพระเจ้ากุสตาฟที่ 3กับพระมเหสีของพระองค์ได้ถูกเอาใจใส่โดยสมเด็จพระพันปีหลวง ซึ่งไม่ทรงต้องการแข่งขันทางบทบาทเหนืออิทธิพลของพระราชโอรส สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาซึ่งทรงได้รับการเลี้ยงดูตามศาสนาและทรงมีบุคลิกที่เก็บพระองค์ได้ทำให้พระนางทรงหลีกเลี่ยงการแสดงความร่าเริงและประพฤติตามธรรมชาติในราชสำนักของพระเจ้ากุสตาฟ ที่ซึ่งทำให้พระนางทรงได้รับความสนพระทัยน้อยในทัศนะของพระสวามีซึ่งโปรดการเข้าสังคม

ในปีพ.ศ. 2317 พระเจ้ากุสตาฟทรงจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายชาร์ลส์ พระอนุชากับดัสเชสเฮดวิก เอลิซาเบธ ชาร์ล็อตแห่งฮ็อลชไตน์-ก็อตท็อปเพื่อแก้ไขปัญหา เมื่อเวลาผ่านไปเกิดปัญหาเรื่ององค์รัชทายาทในราชบัลลังก์ทันที ดัสเชสเฮดวิก เอลิซาเบธ ชาร์ล็อตทรงล้มเหลวในการทรงพระครรภ์หลายครั้งและจบลงด้วยการแท้ง ที่ซึ่งสร้างความรีบเร่งแก่พระเจ้ากุสตาฟในการทำให้การสมรสสำเร็จบริบูรณ์ด้วยการผลิตองค์รัชทายาทของพระองค์ด้วยพระมเหสีของพระองค์เอง

ในปีพ.ศ. 2321 สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนามีพระประสูติกาลเจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟในฐานะองค์รัชทายาทในราชบัลลังก์ และในปีพ.ศ. 2325 พระนางมีพระประสูติกาลพระโอรสพระองค์ที่สองคือ เจ้าชายคาร์ล กุสตาฟ ดยุกแห่งสมาแลนด์ ซึ่งมีพระชนม์ชีพในช่วงหนึ่งปีก็สิ้นพระชนม์ มีการแนะนำในบางวงว่าพระราชโอรสพระองค์แรกของพระเจ้ากุสตาฟมีบิดาที่แท้จริงคือใครบางคน เมื่อองค์รัชทายาทประสูติ บิดาของพระโอรสได้ถูกเชื่อโดยสมเด็จพระพันปีหลวง ว่าเป็นเคานท์อดอล์ฟ เฟรเดอริค มังค์ อัฟ ฟุลกิลา ซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้าทหารม้า ข่าวลือนี้ได้ถูกเชื่อโดยสาธารณะและราชสำนัก และการยอมรับเรื่องอื้อฉาวของสมเด็จพระพันปีหลวงได้นำไปสู่หนึ่งปีของความขัดแย้งระหว่างสมเด็จพระพันปีหลวงกับพระราชโอรส

เรื่องอื้อฉาวของการสืบราชสันตติวงศ์

พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 ไม่ทราบชื่อผู้วาดภาพวาดล้อเลียน (จากซ้าย):สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนา, พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 และอดอล์ฟ เฟรเดอริค มังค์

ตามความเป็นจริงมังค์ได้เข้ามาในฐานะของครูผู้สอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศ เนื่องจากพระเจ้ากุสตาฟทรงได้รับการกล่าวขานว่าไม่ทรงมีประสบการณ์ในเรื่องเพศ[4][5] พระองค์ทรงเรียกมังค์เข้ามาเพื่อเป็นคนกลางในการปรองดองกับพระมเหสี และเพื่อแนะนำให้ทั้งสองพระองค์ทราบถึงวิธีการร่วมเพศ[5][6]และแสดงการทำให้พิธีอภิเษกสมรสเสร็จสมบูรณ์อย่างแท้จริง มังค์ซึ่งเป็นขุนนางเชื้อสายฟินแลนด์ในเวลานี้เขาได้มีความมั่นคงโดยเป็นคนรักของแอนนา โซเฟีย รามส์สตอร์ม นางสนองพระโอษฐ์ประจำองค์ราชินี[7]มังค์และแอนนา โซฟี รามส์สตอร์มได้ถูกย้ายเข้ามาอยู่ใกล้กับห้องบรรทม เพื่อเตรียมพร้อมตลอดเวลาในการทำตามพระราชประสงค์ และบางครั้งมังค์ได้ถูกเรียกเข้าไปในห้องบรรทม มังค์ได้ทำการบันทึกลงในจดหมายเหตุของเขาเองที่ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติสวีเดน ที่ซึ่งบันทึกว่าการจะทำให้สำเร็จ เขาต้องทำการสัมผัสทั้งสองพระองค์ทางกายด้วยเช่นกัน[5][6][8]

เมื่อกลายเป็นว่ามังค์ได้เข้าร่วมแผนการปรองดองของทั้งสองพระองค์ จึงได้เกิดเสียงเล่าลือไปว่า เขาเป็นบิดาของพระราชโอรสพระองค์แรกของสมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนา[4]

เหตุนี้ได้กลายเป็นข้อกล่าวหาจากฝ่ายการเมืองตรงข้าม ช่วงยุคหลังพ.ศ. 2329 และ พ.ศ. 2332[9]:132ที่ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกร้องเรียนทั่วประเทศที่มีการรับรู้เรื่องข่าวลือว่าพระมหากษัตริย์ทรงให้มังค์ทำให้พระราชินีทรงพระครรภ์[9]:118แผ่นภาพต่างๆได้ถูกแปะไว้ทุกหัวมุมถนนทั่วสต็อกโฮล์ม[9]:143

เหตุการณ์นี้ได้ถูกวาดภาพล้อเลียนโดยคาร์ล ออกุสต์ เออเรนสวัลด์ในจดหมายส่วนตัวซึ่งต่อมาได้ถูกค้นพบในภายหลัง ภาพวาดของเขาได้รับการเผยแพร่ในปีพ.ศ. 2530 ที่ซึ่งเขาได้ผ่านเรื่องราวข่าวลือและตลกล้อเลียนพระเจ้ากุสตาฟที่ 3, พระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาและมังค์ โดยปราศจากการพิสูจน์ซึ่งเขาเชื่อว่าการกระทำของทั้งสองพระองค์และมังค์เป็นเรื่องจริง[10] ได้มีข่าวลือว่า พระมหากษัตริย์และพระราชินีทรงหย่าขาดจากกันอย่างลับๆและพระราชินีทรงอภิเษกสมรสกับมังค์[10]

ไม่มีการพิสูจน์ว่ามังค์เป็นบิดาขององค์มกุฎราชกุมาร ทั้งที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีทรงเคยถูกบรรยายว่าทรงสนพระทัยทางเพศอย่างมาก ศาสตราจารย์ลึนน์รอธได้แนะนำในเรื่องของปัญหาทางกายวิภาค ที่ซึ่งรับรู้กันไม่กี่คน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การผลิตทายาทได้อย่างช้า ในขณะที่ข่าวลือก็ยังคงมีอยู่เรื่อยไป อย่าไรก็ตามเมื่อทั้งสองพระองค์พระราชทานของกำนัลแก่มังค์โดย พระมหากษัตริย์ทรงเลื่อนขั้นให้เขา และพระราชินีพระราชทานนาฬิกาซึ่งมีพระสาทิสลักษณ์ของพระนาง, เงินและแหวนเพชรแก่เขา[11]บุคคลในวงการสังคมจำนวนน้อยที่เข้าเป็นกลุ่มเดียวกับสมเด็จพระพันปีหลวงโดยการสนับสนุนและกระจายข่าวลือ เช่น แอนนา ชาร์ล็อตตา ซโรเดอร์เฮล์มและอีวา เอเลนา โลเวน[12][13]

พระอนุชาของพระเจ้ากุสตาฟ คือ ดยุคชาร์ลส์ ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 13 แห่งสวีเดน ซึ่งทรงต้องการครองราชบัลลังก์ ก็เป็นผู้กระตุ้นให้เกิดข่าวลือนี้.[4][9][ต้องการหน้า][14][15] พระมารดาของพระองค์ได้มีการพูดถึงในระหว่างพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาทรงพระครรภ์ ได้เกิดกระแสข่าวลือท่ามกลางสาธารณะเกี่ยวกับบุตรที่ต้องเป็นบุตรนอกกฎหมาย และพระนางเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ทรงจ้างมังค์เพื่อทำให้พระราชินีทรงพระครรภ์ และพระนางจะไม่ยอมรับราชบัลลังก์ให้มาอยู่ในมือของ "ทายาทของขุนนางธรรมดาสามัญ"[15][16]:103–4สมเด็จพระพันปีหลวงทรงให้ดยุคชาร์ลส์ไปซักถามมังค์ และพูดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงตกพระทัยมาก สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาทรงถูกทำให้ตกพระทัยโดยข้อกล่าวหา พระนางทรงสาบานว่าพระนางจะไม่ตรัสสิ่งใดๆกับสมเด็จพระพันปีหลวงอีกเลย และพระนางก็ไม่ตรัสใดๆจริง

พระมหากษัตริย์ทรงขอให้พระราชมารดาทรงแสดงการขออภัยแก่สาธารณะสำหรับข้อกล่าวหาที่ยังคงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของพระราชวงศ์ (12 พฤษภาคม พ.ศ. 2321) เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมากและสร้างความแตกหักระหว่างพระเจ้ากุสตาฟที่ 3 กับพระราชมารดา เรื่องอื้อฉาวนี้ได้ทำลายภาพอุบัติเหตุของการเฉลิมฉลองซึ่งได้เกิดขึ้นในงานเลี้ยงพระกระยาหารสาธารณะ ประชาชนได้ถูกเชิญไปร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองการประสูติขององค์รัชทายาท แต่คนจำนวนมากได้เข้าร่วมและฝูงชนที่วุ่นวายและตื่นตกใจ ประชาชนจำนวนระหว่าง 60 ถึง 100 คนได้เหยียบกันตายในพระราชพิธี

ช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2318 ถึงพ.ศ. 2326 เป็นช่วงที่สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาอาจจะทรงมีความสุขที่สุด สัมพันธภาพระหว่างพระนางกับพระสวามีเป็นไปได้ด้วยดีและพระนางทรงได้รับความเคารพหลังจากทรงประกอบพระราชกรณียกิจของพระราชวงศ์ หลังจากพระราชโอรสพระองค์เล็กคือ เจ้าชายคาร์ล กุสตาฟ ดยุกแห่งสมาแลนด์สิ้นพระชนม์ในปีพ.ศ. 2326 ชีวิตสมรสจึงได้ทรุดโทรมลง การปรองดองเพียงชั่วครู่ในปีพ.ศ. 2330 ได้ถูกเข้าใจโดยดัสเชสเฮดวิก เอลิซาเบธ ชาร์ล็อตซึ่งทรงบันทึกในพระอนุทินส่วนพระองค์บางครั้ง โดยไม่ทรงหวังว่าบันทึกจะสมบูรณ์หรือคงอยู่ต่อไป[16]:191 ซึ่งทรงบันทึกว่า พระมหากษัตริย์ไม่ทรง "อ่อนไหวต่อเสน่ห์ของสตรี" เป็นนัยว่า พระองค์ทรงเป็นพวกรักร่วมเพศ

ในปีพ.ศ. 2330 สมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาทรงฝากทรัพย์สินจำนวน 50,000 ริคส์ดาเลอร์ในบัญชีทรัพย์สินของมังค์ ที่ซึ่งเป็นเรื่องอื้อฉาวไปในวงกว้างโดยถือเป็นการ "ของขวัญอำลา"[17]:156–7 ในจุดนี้ มังค์ได้มีความสัมพันธ์อื้อฉาวกับนักบัลเล่ต์ โจวันนา บาซซี ผู้ซึ่งสมเด็จพระราชินีโซเฟีย มักดาลีนาทรงชิงชังอย่างเห็นได้ชัด[17]:157 พระมหากษัตริย์ทรงหวั่นพระทัยเมื่อทรงทราบเรื่องที่พระราชินีทรงฝากพระราชทรัพย์ และพระองค์ทรงพยายามป้องกันไม่ให้เรื่องนี้แพร่กระจายสู่สาธารณะ อย่างไรก็ตามทรงทำไม่สำเร็จ[17]

ใกล้เคียง

โซเฟีย โซเฟีย มักดาลีนาแห่งเดนมาร์ก โซเฟียที่หนึ่ง เจ้าหญิงมือใหม่ โซเฟีย คอปโปลา โซเฟีย ลอเรน โซเฟียแห่งเดนมาร์ก โซเฟียแห่งมินสก์ โซเฟีย (หุ่นยนต์) โซเฟีย ไมลส์ โซเฟีย ยาเกียลลองกา

แหล่งที่มา

WikiPedia: โซเฟีย มักดาลีนาแห่งเดนมาร์ก http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cac... http://pages.prodigy.net/ptheroff/gotha/denmark.ht... http://pages.prodigy.net/ptheroff/gotha/sweden.htm... http://historiska-personer.nu/min-s/p489065a1.html http://historiska-personer.nu/min-s/pbcc3bfaf.html http://runeberg.org/sbh/b0151.html http://runeberg.org/sbh/b0480.html http://runeberg.org/sqvinnor/0379.html http://runeberg.org/sverhist/9/0412.html http://www.mimersbrunn.se/arbeten/11218.asp